ประยุกต์ใช้ โพสล่าสุด โพสสำคัญ เครื่องมือ สมาชิก สถิติฟอรั่ม ธนาคาร
หัวข้อ : เก็งข้อสอบตำรวจสายสืบสวนปราบปราม ปป3
admin ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ดูแลระบบ
รายละเอียดผู้ใช้ 

เก็งข้อสอบตำรวจสายสืบสวนปราบปราม ปป3

1.      การออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้  เป็นอำนาจของ
ก.      นายกรัฐมนตรี
ข.      รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ค.      รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ง.       คณะรัฐมนตรี
2.      สำนักงานตำรวจแห่งชาติแบ่งส่วนราชการออกเป็นกี่ส่วน
ก.      2 ส่วน       ข. 3 ส่วน        ค.  4 ส่วน                 ง. 5 ส่วน
3.      “ก.ต.ช.” เป็นคำย่อของ
ก.      คณะกรรมการเชิงนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ข.      คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ
ค.      คณะกรรมการนโยบายและแผนตำรวจแห่งชาติ
ง.       คณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
4.      ข้อใด เป็นอำนาจของ ก.ต.ช.
ก.      คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ข.      คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป
ค.      คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจขึ้นไป
ง.       คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บังคับการตำรวจขึ้นไป
5.      ยศตำรวจมีกี่ยศ
ก.      12 ยศ       ข. 13 ยศ                 ค. 14 ยศ        ง. 15 ยศ
6.      การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวน  เป็นอำนาจของผู้ใด
ก.      ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ข.      ผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการขึ้นไปซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ค.      ผู้บังคับการขึ้นไป  เฉพาะในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง
ง.       ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
7.      ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ  แบ่งออกกี่ประเภท  มีจำนวนเท่าใด
ก.      2  ประเภท  คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บังคับการ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน  และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน
ข.      2  ประเภท  คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน  และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน
ค.      2  ประเภท  คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน  และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน
ง.       2  ประเภท  คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน  และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน
 8.      ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ ก.ตร. ในการออกกฎ ก.ตร.
ก.      กำกับดูแล ตรวจสอบ และแนะนำ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบริหารงานบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ
ข.      รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับปรุงเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มค่าครองชีพ สวัสดิการ หรือประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับข้าราชการตำรวจให้เหมาะสม
ค.      กำหนดชั้นยศที่ควรบรรจุแต่งตั้งและอัตราเงินเดือนที่ควรได้รับสำหรับวุฒิปริญญาหรือประกาศนียบัตรต่างๆ
ง.       ไม่มีข้อใดถูก
9.      ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ ผู้ใดเป็นผู้วินิจฉัย
ก.      ก.ตร.        ข. ก.ต.ช.                 ค. นายกรัฐมนตรี         ง. ถูกทุกข้อ
10.  เมื่อได้รายชื่อผู้สมัครตามข้อ 57 แล้ว ให้จัดส่งบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวโดยเรียงลำดับตามตัวอักษรไปยังผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๕ (๑) ก่อนวันเลือกเป็นระยะเวลา
ก.      ไม่น้อยกว่าสิบวัน                       ข. ไม่น้อยกว่าสิบสี่วัน
ค. ไม่น้อยกว่ายี่สิบวัน                      ง. ไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่วัน
11.  นางชดช้อยข้าราชการสถานทูตไทย ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล ได้เขียนจดหมายจากสถานทูตดังกล่าวมาถึงผู้บังคับบัญชาในประเทศไทยว่า นางชวนชื่นข้าราชการในสถานทูตเดียวกันมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชาวต่างประเทศ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำความเสียหายแก่ประเทศไทย ควรเรียกตัวนางชวนชื่นกลับมาประเทศไทยเสีย ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าจดหมายนั้นเป็นความเท็จ จึงไม่เรียกตัวนางชวนชื่นกลับ ต่อมานางชวนชื่นทราบเรื่องจดหมาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในประเทศไทยว่านางชดช้อยหมิ่นประมาท          ดังนี้ การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่จะลงโทษในราชอาณาจักรได้หรือไม่
ก.      การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่ถือว่าส่วนหนึ่งส่วนใดทำในราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้
ข.      การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ไม่สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้
ค.      การกระทำของนางชดช้อยไม่เป็นความผิด
ง.       การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้
12.  ร้อยตำรวจเอกนิยมพนักงานสอบสวนจับกุมนายไก่ข้อหาฆ่าผู้อื่น ได้ทำบันทึกการจับกุมให้นายไก่ลงชื่อไว้ ร้อยตำรวจเอกนิยมแอบเติมข้อความลงในบันทึกดังกล่าวว่า สอบถามแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วสอบปากคำผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาไว้ มอบให้พันตำรวจโทสุเทพหัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปตามระเบียบ พันตำรวจโทสุเทพได้เปลี่ยนเอาบันทึกการจับกุม กับบันทึกคำให้การผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาออกไปจากสำนวนและนำบันทึกที่ทำขึ้นใหม่ตามที่ผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาตกลงกันได้เข้ามาไว้แทนที่ เพื่อช่วยนายไก่มิให้ต้องโทษ ดังนี้ ร้อยตำรวจเอกนิยม จะมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่
ก.      มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157
ข.      มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร ตาม ปอ.มาตรา 161 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157
ค.      มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกระทำการปลอมเอกสารตาม ปอ.มาตรา 161
ง.       ไม่มีมีความผิดฐานใด
13.  ตามข้อ 12  พันตำรวจโทสุเทพ มีความผิดฐานใด
ก.      มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158
ข.      มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200
ค.      มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157
ง.       ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
14.  นายแตงเป็นหนี้ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เป็นเงิน 698,000 บาท โดยนายแตงจดทะเบียนจำนองที่ดินของตนแปลงหนึ่งเป็นประกัน ต่อมาธนาคารกรุงสยามจำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ได้มีหนังสือเร่งรัดให้นายแตงชำระหนี้ ขณะเดียวกันนายแตงเป็นหนี้นายเฟืองตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่พิพากษาให้นายแตงชำระหนี้แก่นายเฟืองจำนวน 500,000 บาท ด้วยนายแตงไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ดินดังกล่าว ต่อมานายแตงได้ขายที่ดินแปลงที่จำนองให้แก่นายสีไปในราคา 700,000 บาท ซึ่งเป็นราคาไม่ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วนายแตงได้นำเงินนั้นไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ในวันเดียวกัน ทั้งนี้โดยนายแตงได้ขายที่ดินภายหลังจากที่ทราบว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้นายแตงชำระหนี้ให้แก่นายเฟืองแล้ว       ให้วินิจฉัยว่า นายแตงจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.      นายแตงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้  ตาม ปอ.มาตรา 350
ข.      นายแตงไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้  ตาม ปอ.มาตรา 350
ค.      นายแตงมีความผิดฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้  ตาม ปอ.มาตรา 341
ง.       ไม่มีข้อใดถูก
15.  นายโกยหัวขโมย ขณะที่กำลังมองหาเหยื่ออยู่ ได้เหลือบไปเห็นนายจ๋องยืนอยู่ที่บันไดรถโดยสารประจำทางซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ริมถนน นายโกยจึงเข้าไปดึงนายจ๋อยลงมาจากรถแล้วล้วงเอาธนบัตรฉบับละ 50 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของนายจ๋องวิ่งหนีไป ขณะที่วิ่งหนีนั้นนายกล้ากำลังจ้องดูอยู่ นายโกยจึงเข้าไปขู่นายกล้าว่าจะต้องไม่นำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ใครฟังมิฉะนั้นจะฆ่าทิ้งเสีย โดยพูดขู่หลายครั้ง จนนาย กล้ารำคาญและจะรีบไปทำงาน จึงตอบรับนายโกยว่าจะยอมปฏิบัติตาม   ให้วินิจฉัยว่า นายโกยมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.      นายโกยมีความผิดฐานลักทรัพย์
ข.      นายโกยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ
ค.      นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ง.       นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ
16.  นายแดงโกรธแค้นนายดำศัตรูของตน จึงตกลงใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปฆ่านายดำโดยการใช้ปืนยิง ระหว่างที่นายแดงกำลังตามหาปืนของตนที่ทำหาย นายม่วงศัตรูอีกคนหนึ่งของนายดำซึ่งไม่ทราบว่านายแดงตั้งใจจะฆ่านายดำอยู่แล้ว ได้ไปว่าจ้างนายแดงให้ไปฆ่านายดำ นายแดงตกลงตามที่นายม่วงว่าจ้างเพราะอยากได้เงินค่าจ้างและตนก็ได้ตกลงใจที่จะฆ่านายดำอยู่ก่อนแล้วไม่ว่านายม่วงจะมาว่าจ้างหรือไม่ ทั้งนี้นายม่วงได้ให้นายแดงยืมปืนไปใช้ฆ่านายดำด้วย เมื่อนายแดงพบนายดำจึงได้แอบเดินไปด้านหลังนายดำและชักปืนออกมาจากเอวเพื่อจะยิงนายดำโดยที่ยังมิทันยกปืนจ้องยิงไปทางนายดำ แต่นายแดงถูกพลเมืองดีเข้าขัดขวางเสียก่อน จึงไม่สามารถยิงนายดำได้      ให้วินิจฉัยว่า นายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.      นายแดงไม่มีความผิด
ข.      นายแดงผิดฐานพยายามฆ่า
ค.      นายแดงผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม
ง.       นายแดงผิดฐานผู้สนับสนุน
17.  ตามข้อ 16  นายม่วงมีความผิดฐานใด
ก.      นายม่วงไม่มีความผิด
ข.      นายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม
ค.      นายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษเสมือนตัวการ
ง.       นายม่วงมีความผิดฐานผู้สนับสนุน
18.  นายเดชรู้สึกรำคาญนายฤทธิ์ที่นั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างๆ เพราะเมาสุราพูดเอะอะโวยวาย จึงชักอาวุธปืนลูกซองออกมาเล็งยิงไปที่ขวดสุราบนโต๊ะอาหารที่นายฤทธิ์นั่งอยู่  ลูกกระสุนปืนเป็นถูกขวดสุราของนายฤทธิ์แตก และลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฤทธิ์ได้รับอันตรายสาหัส  นอกจากนี้ลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฉงนนักมายากลที่เผอิญอุ้มกระต่ายเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี  เป็นเหตุให้นายฉงนถึงแก่ความตาย และลูกกระต่ายที่นายฉงนอุ้มอยู่ตายด้วย  ให้วินิจฉัยว่า  นายเดชมีความผิดต่อนายฤทธิ์ฯ ฐานใด
ก.      นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยพลาด
ข.      นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยเจตนาเล็งเห็นผล
ค.      นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยเจตนาประสงค์ต่อผล
ง.       นายเดชมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายฤทธิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส  
19.  ตามข้อ 18  นายเดชต้องรับผิดในความตายของกระต่ายของนายฉงน หรือไม่
ก.      ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยเจตนาตาม ปอ. มาตรา 358, 59
ข.      ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 358, 60
ค.      ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยประมาทตาม ปอ. มาตรา 358, 59
ง.       นายเดชไม่มีความผิดฐานใด
20.  ตามข้อ 18  นายเดชต้องรับผิดในความตายของนายฉงน หรือไม่
ก.      มีความผิดฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยเจตนา ตาม ปอ. มาตรา 288, 59
ข.      มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายฉงนฯ ถึงแก่ความตาย ตาม ปอ. มาตรา 291
ค.      มีความผิดฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60
ง.       นายเดชไม่ต้องรับผิดในความตายของนายฉงนฯ
21.  นายโหดทราบว่านายอับโชคจะไปเบิกเงินจากธนาคาร จึงแจ้งวันเวลาที่นายอับโชคจะไปเบิกเงินให้นายเหี้ยมทราบและร่วมกับนายเหี้ยมวางแผนชิงทรัพย์ของนายอับโชค ครั้นถึงวันเกิดเหตุนายอับโชคไปเบิกเงินโดยชวนนายโหดไปเป็นเพื่อน เมื่อเบิกเงินได้แล้วนายอับโชคให้นายโหดถือกระเป๋าใส่เงินเดินตามหลังตนมา นายเหี้ยมซึ่งดักรออยู่ได้กระโดดถีบนายโหดล้มลง เป็นเหตุให้นายโหดได้รับอันตรายแก่กายและกระเป๋าใส่เงินหลุดมือ นายเหี้ยมหยิบกระเป๋าดังกล่าวเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายโหดมีความผิดฐานใด
ก.      มีความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 339
ข.      มีความผิดฐานสนับสนุน นายเหี้ยมลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ
ค.      นายโหดไม่มีความผิด
ง.       มีความผิดร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ
22.  ตามข้อ 21  นายเหี้ยมมีความผิดฐานใด
ก.      มีความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 339
ข.      มีความผิดลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ
ค.      มีความผิดร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ
ง.       นายเหี้ยมไม่มีความผิด
23.  นายยอดประสงค์จะเช่าซื้อรถยนต์คันหนึ่ง จากบริษัทยานยนต์ จำกัด ซึ่งตนสามารถเช่าซื้อได้ในราคาถูก จึงชวนนายยิ่งให้ไปเช่าซื้อรถยนต์คนละคัน เพราะทราบมาว่านายยิ่งต้องใช้รถยนต์รับส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นนายยิ่งเพิ่งเสียการพนันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งตอบตกลงและไปทำสัญญา โดยนายยอดไม่ทราบความในใจของนายยิ่งว่าโดยใจจริงแล้วไม่คิดจะเช่าซื้อเลย ต่อมาเมื่อได้รับมอบรถยนต์ตามสัญญาแล้ว นายยิ่งก็นำรถยนต์ไปขายให้นายดำทันที ส่วนนายยอดเอง เมื่อผ่อนชำระราคาเช่าซื้อได้เพียง 8 งวด ก็ไม่สามารถผ่อนส่งต่อไปได้ จึงแอบนำรถยนต์ไปขายให้นายเขียวแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายยอดมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.      มีความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์
ข.      มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
ค.      มีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์
ง.       นายยอดไม่มีความผิดใด
24.  ตามข้อ 23  นายยิ่งมีความผิดฐานใด
ก.      มีความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์
ข.      มีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์
ค.      นายยิ่งไม่มีความผิดใด
ง.       มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
25.  นายชัยมีความประสงค์ที่จะขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นของตนให้แก่นายชม แต่นายชัยเกิดป่วยหนักไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงตั้งใจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้นายชาญจัดการแทน นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือมอบอำนาจ และมอบหมายให้นายชาญกรอกข้อความเอง แต่นายชัยถึงแก่ความตายเสียก่อนมีการกรอกข้อความ นายชาญจึงนำหนังสือมอบอำนาจที่นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ไปกรอกข้อความว่า นายชัยมอบอำนาจให้นายชาญขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชม ซึ่งตรงตามความประสงค์ของนายชัย ทั้งที่นายชาญรู้ว่านายชัยถึงแก่ความตายแล้ว และนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปให้นายชม โดยที่นายชมไม่รู้ว่านายชัยถึงแก่ความตาย  วันต่อมา นายชาญและนายชมนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชมให้วินิจฉัยว่า        นายชาญมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.      นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษทั้งสองกระทง
ข.      นายชาญมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
ค.      นายชาญไม่มีความผิดฐานใด
ง.       นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่เพียงกระทงเดียว
26.  นายแดงกับนางขาวอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือเด็กหญิงเหลือง อายุ 13 ปี ต่อมานายดำได้หลอกลวงเอาสร้อยคอทองคำ ราคา 3,000 บาท ของเด็กหญิงเหลืองไป นายแดงจึงไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่นายดำในความผิดฐานฉ้อโกงเด็กหญิงเหลือง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการโดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายดำ ก่อนพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดีนี้นายแดงได้จดทะเบียนรสกับนางขาว ถ้าท่านเป็นพนักงานอัยการจะสั่งคดีนี้อย่างไร
ก.      สั่งไม่ฟ้องนายดำ  เพราะนายแดงไม่มีอำนาจร้องทุกข์
ข.      สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมนายแดง  แล้วนำมาประกอบคำฟ้อง
ค.      สั่งฟ้องนายดำ  พร้อมแนบหลักฐานการจดทะเบียนสมรสต่อศาล
ง.       ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
27.  นายเก่งผู้เสียหายร้องทุกข์ภายในอายุความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่นายกล้าในข้อหายักยอก นายกล้าให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา โดยได้นำใบรับเงินฉบับหนึ่งมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อแสดงว่านายแก้วซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายเก่งได้ลงลายมือชื่อรับเงินทั้งหมดที่กล่าวหาถูกยักยอกไปจากนายกล้าเรียบร้อยแล้ว และมีนายกลมลงลายมือชื่อเป็นพยานไว้ในใบรับเงินนั้นด้วย นายกล้าขอให้พนักงานสอบสวนรับใบรับเงินและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบการต่อสู้คดีของตน นายเก่งผู้เสียหายคัดค้านไม่ให้พนักงานสอบสวนรับใบรับเงินและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นหลักฐาน โดยอ้างว่าเป็นพยานหลักฐานของฝ่ายนายกล้าผู้ต้องหา       ให้วินิจฉัยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีนี้ด้วยหรือไม่
ก.      พนักงานสอบสวนรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวได้ แต่จะสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีไม่ได้
ข.      พนักงานสอบสวนจะรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวไม่ได้ แต่สอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีด้วย
ค.      พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีด้วย
ง.       พนักงานสอบสวนจะรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นพยานฝ่ายผู้ต้องหา
28.  ในคดีอาญาเรื่องหนึ่งพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ขังผู้ต้องหา 12 วัน แต่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขังเพียง 5 วัน ก่อนครบกำหนดพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลสั่งขังอีก 12 วัน อันเป็นการขอฝากขังครั้งสุดท้าย แต่ศาลไม่อนุญาต ในระหว่างที่ผู้ต้องหาถูกปล่อยตัวไป และพนักงานอัยการยังมิได้มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหา เจ้าพนักงานตำรวจไปจับตัวผู้ต้องหามาควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อรอส่งตัวให้พนักงานอัยการในกรณีที่มีคำสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปเสียก่อน ต่อมาพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา เจ้าพนักงานตำรวจจึงไปติดตามจับผู้ต้องหามาได้และคุมตัวมาศาลเพื่อมอบให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล       ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ต้องหาและคุมตัวไว้ทั้งสองครั้ง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ก.      การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังชอบด้วยกฎหมาย
ข.      การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ค.      การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ง.       การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังชอบด้วยกฎหมาย
29.  นายสิ้นได้ฝากทรัพย์สินไว้กับนายแสบที่ประเทศอิรัก เพื่อนำมาให้ภรรยาของนายสิ้นในประเทศไทย เมื่อนายสิ้นเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วทราบว่านายแสบมิได้นำทรัพย์สินที่ฝากมาให้แก่ภรรยานายสิ้น นายสิ้นจึงไปทวงถามนายแสบที่บ้านนายแสบ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของนายแสบ นายแสบปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์สินของนายสิ้นไว้ นายสิ้นจึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบึงกาฬให้ดำเนินคดีแก่นายแสบฐานยักยอกซึ่งมีการสอบสวนโดยชอบแล้วดังนี้ พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดบึงกาฬมีอำนาจฟ้องนายแสบเป็นจำเลยหรือไม่(เนติ 47)
ก.      มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน  อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ข.      มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก ต้องให้อัยการสูงสุดสอบสวน  อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง
ค.      มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก แต่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน อ.บึงกาฬ  อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง
ง.       มูลคดียักยอกเกิดขึ้นเมื่อนายแสบปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์  ถือว่าเหตุเกิดที่ อ.บึงกาฬ พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวน  อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง
30.  นายเงินบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายได้พานางสาวแก้วผู้เยาว์อายุ 19 ปี ไปทำงานเป็นลูกจ้างรับเลี้ยงบุตรให้นายเขียวและนางคำ โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านของนายจ้างที่จังหวัดชลบุรี นายเสียบซึ่งเป็นหลานชายของนายเชียวได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวแก้วจนสำเร็จความใคร่ นางสาวแก้วได้เล่าให้นายเงินฟัง นายเงินและนางสาวแก้วจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ดำเนินคดีแก่นายเสียบในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราจนกว่าคดีถึงที่สุด ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาในการปฏิเสธ พนักงานสอบสวนเสนอสำนวนต่อพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โดยเห็นควรสั่งฟ้องฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276  ต่อมานางสาวแก้วบรรลุนิติภาวะได้มาขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่นายเสียบผู้ต้องหา เพราะจะแต่งงานกัน นายเงินบิดาของนางสาวแก้วไม่ยินยอมให้ถอนคำร้องทุกข์ พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งยุติคดีนายเสียบผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา เพราะเหตุว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในชั้นพนักงานอัยการโดยชอบแล้ว ดังนี้ คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ก.      คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมาย เพราะ น.ส.แก้วถอนคำร้องทุกข์ได้
ข.      คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมาย แต่ต้องให้นายเงินให้ความเห็นชอบ
ค.      คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ น.ส.แก้วถอนคำร้องทุกข์ไม่ได้
ง.       คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะสิทธิคดีอาญายังไม่ระงับ
31.  ร้อยตำรวจเอกเฉลียวรองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยางรัก ขณะไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เป็นนายร้อยตำรวจเวรสอบสวนของสถานีตำรวจดังกล่าว ได้รับคำร้องทุกข์จากนายฉลาดผู้เสียหายให้ดำเนินคดีอาญาเรื่องหนึ่งแก่นายฉลองผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก ในขณะที่ร้อยตำรวจเอกเฉลียวรับคำร้องทุกข์นั้น ร้อยตำรวจเอกแฉล้มรองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจดังกล่าวได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เป็นนายร้อยตำรวจสอบสวนอยู่ ร้อยตำรวจเอกเฉลียวได้ทำการสอบสวนคดีตามคำร้องทุกข์ของนายฉลาดเสร็จสิ้น จึงส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป ดังนี้ การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ก.      การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวชอบด้วยกฎหมาย
ข.      การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เวร
ค.      การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะไม่มีอำนาจรับคำร้องทุกข์
ง.       การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
32.  พันตำรวจโทเคร่งสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง สืบทราบว่าที่บ้านของนายหนึ่งมีสิ่งของที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์ซุกซ่อนอยู่ จึงออกหมายค้นระบุให้จ่าสิบตำรวจพิทักษ์ไปตรวจค้น แต่ก่อนที่จ่าสิบตำรวจพิทักษ์กับพวกจะเข้าตรวจค้น นายหนึ่งได้หลบหนี และไม่มีคนในครอบครัวของนายหนึ่งอยู่ในบ้าน  จ่าสิบตำรวจพิทักษ์จึงเชิญคนซึ่งอยู่ใกล้บ้านนายหนึ่ง 2 คน มาเป็นพยานในการตรวจค้น นายหนึ่งอ้างว่าการตรวจค้นไม่ได้ทำต่อหน้านายหนึ่งหรือบุคคลในครอบครัวของนายหนึ่งเป็นการตรวจค้นที่ไม่ชอบ         ดังนี้ ข้ออ้างของนายหนึ่งฟังขึ้นหรือไม่
ก.      ฟังขึ้น เพราะ ไม่มีคนในครอบครัวของนายหนึ่งมาเป็นพยานในการค้น
ข.      ฟังขึ้น เพราะ จ.ส.ต.พิทักษ์ฯ ไม่สามารถร้องขอบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนมาเป็นพยานได้
ค.      ฟังไม่ขึ้น เพราะ จ.ส.ต.พิทักษ์ฯ สามารถร้องขอบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนมาเป็นพยานได้
ง.       ฟังไม่ขึ้น เพราะ นายหนึ่งหลบหนี  จึงไม่ต้องค้นต่อหน้าพยานก็ได้
33.  ตามข้อ 32  ถ้าระหว่างที่ตรวจค้นอยู่นั้น จ่าสิบตำรวจพิทักษ์พบนายสองคนร้ายคดีฆ่าผู้อื่นหลบซ่อนอยู่ในบ้าน จ่าสิบตำรวจพิทักษ์จึงเข้าจับกุมนายสองส่งให้พันตำรวจโทเคร่ง ส่วนนายสองอ้างว่าจ่าสิบตำรวจพิทักษ์จับโดยไม่ชอบ         ดังนี้ ข้ออ้างของนายสองฟังขึ้นหรือไม่(เนติ 49 )
ก.      ฟังขึ้น  เพราะการจับนายสองไม่มีหมายจับ
ข.      ฟังขึ้น  เพราะการจับนายสองเป็นการจับในที่รโหฐาน
ค.      ฟังไม่ขึ้น  เพราะการจับเป็นความผิดซึ่งหน้า
ง.       ฟังไม่ขึ้น  เพราะการจับนายสองนั้นนายสองเป็นผู้ร้ายสำคัญ และก็พบตัวแล้ว
34.  นายเอกหลอกลวงนายโทว่าจะช่วยติดต่อให้นายโทเข้าทำงานเป็นสารวัตรทหารได้โดยไม่ต้องสอบ แต่นายโทต้องเสียเงิน 40,000 บาท ให้นายเอก นายโทหลงเชื่อมอบเงิน 40,000 บาทให้นายเอก ต่อมานายโทเข้าเป็นสารวัตรทหารไม่ได้จึงขอเงินคืน นายเอกไม่คืนให้ นายโทไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า นายเอกฉ้อโกงต่อมามีการเจรจาตกลงกันระหว่างนายเอกกับนายโทต่อหน้าพนักงานสอบสวน และได้มีการบันทึกข้อตกลงไว้ว่า นายเอกจะนำเงินมาคืนให้ภายในวันที่ที่กำหนด ถ้านายเอกนำเงินมาคืน นายโทก็จะไม่เอาเรื่องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยทั้งสามคนได้ลงลายมือชื่อไว้ ครั้นถึงวันที่ที่กำหนด นายเอกมิได้ชำระเงินคืนแก่นายโท   ดังนี้ นายโทจะเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงหรือไม่
ก.      นายโทเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้
ข.      นายโทไม่เป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้
ค.      นายโทเป็นผู้เสียหายแต่ไม่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้  ต้องร้องทุกข์ต่อ พงส.ฯก่อน
ง.       เป็นกรณีทางแพ่ง  ต้องฟ้องร้องเอง
35.  ตามข้อ 34  ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไปหรือไม่
ก.      ข้อตกลงดังกล่าวไม่ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไป
ข.      ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไป
ค.      เป็นกรณีทางแพ่ง  ต้องฟ้องร้องเอง
ง.       ไม่มีข้อใดถูก
36.  นายโชติด่าว่านายช่วง นายช่วงจึงเรียกนายโชติมาที่บ้านเพื่อว่ากล่าวตักเตือนนายโชติไม่พอใจได้กำหมัดเดินเข้าไปหานายช่วง นายช่วงเข้ากอดรัดนายโชติแล้วทุ่มนายโชติลงกับพื้นซีเมนต์ หน้าผากนายโชติฟาดลงที่พื้นและนอนนิ่งไม่ได้สติ นายช่วงจึงไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจเอกชัชวาลพนักงานสอบสวนว่านายโชติบุกรุก ร้อยตำรวจเอกชัชวาลร่วมกับแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ และเมื่อทำการสอบสวนเสร็จแล้วสรุปสำนวนทำความเห็นควรสั่งฟ้องนายช่วงส่งให้พนักงานอัยการ โดยไม่ได้ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนแสดงถึงการตายของนายโชติตามกฎหมาย พนักงานอัยการฟ้องนายช่วงเป็นจำเลยขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่เป็นผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุกและตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวนทำการชันสูตรพลิกศพแล้วไม่ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนตามกฎหมายการชันสูตรพลิกศพยังไม่สมบูรณ์ การสอบสวนจึงไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้นหรือไม่
ก.      ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น  อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ข.      ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น  อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ค.      ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น  อัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง
ง.       ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น  อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
37.  นายใช้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายช่วยไปร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกชัยพนักงานสอบสวนว่า นายชอบได้ลักรถจักรยานยนต์ของตนไป ขอให้จับกุมนายชอบมาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ต่อมาร้อยตำรวจเอกชัยสืบสวนทราบว่าคนร้ายไม่ใช่นายชอบ แต่เป็นนายชิง จึงจับกุมนายชิงมาสอบสวนดำเนินคดี นายชิงโต้แย้งว่าจับกุมผิดตัวจากหนังสือมอบอำนาจ การกระทำของร้อยตำรวจเอกชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้วินิจฉัยว่า ข้อโต้แย้งของนายชิงดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่
ก.      ฟังขึ้น  เพราะนายใช้ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายชิง
ข.      ฟังขึ้น  เพราะหนังสือมอบอำนาจไม่ได้ระบุไว้
ค.      ฟังไม่ขึ้น  เพราะนายชอบไม่ได้กระทำความผิด
ง.       ฟังไม่ขึ้น  เพราะความผิดลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ร.ต.อ.เอกชัยจึงมีอำนาจสืบสวนสอบสวน
 38.  ตามข้อ 38 หากนายใช้ได้ร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกชัยว่า รถจักรยานยนต์หายไปและพบอยู่ในบ้านของนายชิง ขอให้สืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ต่อมาร้อยตำรวจเอกชัยสืบสวนทราบว่านายชิงเป็นคนลักเอารถจักรยานยนต์ของนายใช้ไปเองจึงจับกุมนายชิงมาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ นายชิงโต้แย้งว่านายใช้ไม่ได้แจ้งข้อหาความผิดนี้ไว้ในคำร้องทุกข์ การกระทำของร้อยตำรวจเอกชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ให้วินิจฉัยว่า ข้อโต้แย้งของนายชิงทั้งสองกรณีดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่
ก.      ฟังขึ้น  เพราะนายใช้ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายชิง
ข.      ฟังขึ้น  เพราะ ร.ต.อ.เอกชัยฯ ไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน
ค.      ฟังไม่ขึ้น  เพราะนายชิงเป็นผู้กระทำความผิด
ง.       ฟังไม่ขึ้น  เพราะการร้องทุกข์ไม่จำเป็นต้องระบุฐานความผิด ร.ต.อ.เอกชัยจึงมีอำนาจ
 39.  พันตำรวจโทสนิท พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีตามคำร้องทุกข์ของนายเสนอผู้เสียหาย ซึ่งกล่าวหาว่านายสนองผู้ต้องหากระทำการฉ้อโกงทรัพย์ของนายเสนอ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ระหว่างสอบสวนนายเสนอ และนายสนองได้ทำความตกลงด้วยวาจายอมเลิกคดีต่อกัน โดยนายสนองยินยอมผ่อนชำระค่าเสียหายเนื่องจากการะกระทำความผิดในคดีนี้ให้แก่นายเสนอเป็นสองงวด นายเสนอ และนายสนองได้มาแจ้งถึงความตกลงดังกล่าวให้พันตำรวจโทสนิท ทราบ ต่อมานายสนองไม่ได้ชำระเงินค่าเสียหายให้แก่นายเสนอตามที่ตกลงกันไว้ นายเสนอจึงขอให้พันตำรวจโทสนิท สอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไป ให้วินิจฉัยว่า พันตำรวจโทสนิท จะมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไปได้หรือไม่

ก.      สอบสวนได้ เพราะคดียังไม่ระงับ

ข.      สอบสวนได้เฉพาะข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

ค.      สอบสวนไม่ได้  เฉพาะคดีระงับไปหมดแล้ว

ง.       สอบสวนได้เฉพาะข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ 



 
[color=#ffffffffffffffffffffffff]เอกสารแนวข้อสอบตำรวจเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร 
 รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ เลื่อนจากนายสิบเป็นนายร้อย
สายธุรการ และ สายปราบปราม

รวมแนวข้อสอบเก่าเด็ดๆๆ  และข้อสอบที่ออกบ่อยมาก
ส่งทางอีเมล์เป็นไฟเอกสาร

[color=#ffffffffffffffffffffffff]
[color=#ffffffffffffffffffffffff]สนใจสั่งซื้อมาที่ 080-604-2510 ,080-604-2504 หรือ ส่ง SMS / (WhatsApp , LINE)
ส่งเป็นไฟล์เอกสารส่งทางอีเมล์ สามารถนำไปปริ้นเพื่ออ่านได้เลย ในราคาเพียงชุดละ 399 บาท
ส่งเป็นไฟล์เอกสารทางอีเมล์ *อย่างด่วนภายใน 3 ชม. *อย่างช้าก่อน 24:00 น. ของวันที่โอนเงิน (อย่าลืม! เช็คที่ อีเมลขยะ)
(เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 - 24.00 น.)
กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ
เลขที่บัญชี 041-2-34899-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาถนนสาธุประดิษฐ์ ชื่อบัญชี สายรุ้ง สิงห์ศรี
โอนเงินแล้วแจ้งที่
[email=lookmoo_00@hotmail.com]lookmoo_00@hotmail.com[/email]

คอร์ส DVD+เอกสาร:สอบนายร้อยตำรวจปี 2554

ราคาชุดละ 2,500 บาท
ประกอบด้วยเนื้อหา
สายอำนวยการ อก3
จริยธรรมและกฎ ก.ตร.ว่าด้วยประมวล จรรยาบรรตำรวจ 2553
แผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔
– พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 (VCD)
– ระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 (VCD)
– พ.ร.ก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 (VCD)
– จริยธรรมทั่วไป – คอมพิวเตอร์ (เอกสาร )
สายป้องกันและปราบปราม  ปป3
– กฎหมาย ป.วิอาญา ป.อาญา และ กฎหมายพยาน (VCD,MP3)
– พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (VCD,MP3)
– VCD ติวข้อสอบตำรวจ กฏ ก.ตร.ประเมินผล และ จริยธรรม 2553 (VCD)
– VCD ติวข้อสอบตำรวจ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2553(VCD)
– พ.ร.ก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 (VCD
จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบรับราชการ   0934903924
admin ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ดูแลระบบ
รายละเอียดผู้ใช้ 
41.    ในคดีแพ่ง ผู้ใดมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริง
ก.    คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริง         ข. โจทก์
ค. จำเลย                    ง. คู่ความ
42.    กรณีใด กฎหมายกำหนดให้ศาลยอมรับฟังสำเนาเอกสาร เป็นพยานหลักฐานแห่งเอกสารนั้นได้
ก.    เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตกลงกันว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องแล้ว
ข.    ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหาย
ค.    ถ้าต้นฉบับเอกสารถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยหรือไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่น
ง.    ถูกทุกข้อ
43.    เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 นางเจนซึ่งเป็นชาวต่างชาติร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าถูกคนร้ายชิงทรัพย์เอากล้องถ่ายรูปและเงินดอลลาร์สหรัฐไป โดยมีนายขาวเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าคนร้ายคือนายดำ แต่นางเจนจะต้องเดินทางกลับประเทศตนโดยด่วน พนักงานสอบสวนจึงเสนอเรื่องต่อพนักงานอัยการขอให้ทำคำร้องต่อศาลขอสืบนางเจนเป็นพยานต่อศาลไว้ก่อนฟ้อง ทั้งที่ยังติดตามจับตัวนายดำไม่ได้ ดังนี้พนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอสืบนางเจนไว้ก่อนฟ้องได้หรือไม่
ก.    ก็สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้ เพราะไม่มีพยานคนอื่นๆ ตามมาตรา 237 ทวิ
ข.    ก็สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้ ถือเป็นกรณียกเว้นตามที่มาตรา 237 ทวิ
ค.    ไม่สามารถขอสืบนางเจนลับหลังนายดำได้  เพราะตามมาตรา 237 ทวิ ต้องสืบต่อหน้าจำเลย
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข.
44.    พยานมีกี่ประเภท
ก.    2   ประเภท        ข. 3   ประเภท        ค. 4   ประเภท        ง. 5   ประเภท

45.    เมื่อมีการอ้างเอกสารใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ให้ศาลดำเนินการอย่างไรถึงจะถูกต้อง
ก.    อ่านหรือส่งให้คู่ความตรวจดู            ข. สำเนาให้คู่ความแกฝ่ายหนึ่ง
ค. สั่งให้ฝ่ายที่อ้างนั้นส่งสำเนาแก่อีกฝ่ายหนึ่งตามที่เห็นสมควร          ง. ถูกทุกข้อ
46.    ในกรณีเมื่อจำเป็นศาลมีอำนาจไปเดินเผชิญสืบพยานได้เอง   หากจะมอบอำนาจให้บุคคลใดไปเดินเผชิญสืบแทนก็ได้
ก.    ศาลที่รับประเด็นจากศาลเดิม            ข. จ่าศาล
ค. พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ            ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

47.    ในคดีแพ่ง โจทก์อ้างภาพถ่ายบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพยาน เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตนแต่ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานและส่งสำเนาภาพถ่ายดังกล่าวให้แก่จำเลย ซึ่งจำเลยได้คัดค้านว่าไม่ชอบ  ขอทราบว่าคำคัดค้านของจำเลยฟังขึ้นหรือไม่
ก.    ฟังขึ้น                    ข. ฟังไม่ขึ้น  เพราะจำเลยไม่ได้ร้องขอ
ค.ฟังไม่ขึ้น  เพราะภาพถ่ายบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ใช่พยานเอกสาร ง. แล้วแต่ดุลยพินิจของศาล

48.    ต้นฉบับสัญญาค้ำประกันสูญหายเพราะถูกจำเลยลักไป  เป็นเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถส่งต้นฉบับเอกสารเป็นพยานได้  ศาลจะดำเนินการอย่างไร
ก.    ให้โจทก์ติดตามสัญญาค้ำประกันต้นฉบับมาให้ได้
ข.    ยกฟ้อง  เนื่องจากขาดพยานหลักฐาน
ค.    ถือว่าข้อเท็จจริงตามสัญญาค้ำประกันจำเลยรับแล้ว  เพราะเป็นความผิดของจำเลย
ง.    ศาลอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารมาสืบได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 93(2)

49.    ข้อใดเป็นข้อยกเว้น ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94  
ก.    ถ้าต้นฉบับเอกสารหาไม่ได้ ศาลจะอนุญาตให้นำสำเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้
ข.    นำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า พยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอม
ค.    นำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด
ง.    ถูกทุกข้อ

50.    สัญญาเช่าตึกแถวพิพาทกำหนดอัตราค่าเช่าไว้เดือนละ 1,000 บาท  เมื่อครบกำหนดอายุการเช่า 1 ปี จำเลยคงอยู่ในตึกแถวที่เช่าโดยโจทก์ไม่ทักท้วง  ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยบังคับค่าเช่าเดือนละ 2,000 บาท โดยอ้างว่าหลังครบกำหนดการเช่าครั้งแรก โจทก์กับจำเลยตกลงเช่าตึกแถวเป็นเดือนละ 2,000 บาท โดยโจทก์นำนายแดง พยานผู้รู้เห็นการขึ้นค่าเช่ามานำสืบ  ศาลจะรับฟังปากคำของนายแดงฯ ชอบหรือไม่
ก.    ชอบ เพราะเป็นผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์
ข.    ชอบ  เพราะเป็นประจักษ์พยาน
ค.    ไม่ชอบ  เพราะเป็นการสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร
ง.    ไม่ชอบ  เพราะมีพยานเอกสารอยู่แล้ว
ข้อสอบ รวมชุดที่ 2 (ปราบปราม)

51.    พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ  2547  มีผลบังคับใช้เมื่อใด
ก.    ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา      ข. ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน        ง. วันที่ 14 เม.ย.2547

52.    สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่กี่ประการ
ก.    6  ประการ        ข. 7  ประการ        ค. 8  ประการ        ง. 9  ประการ

53.    การแบ่งส่วนราชการและกำหนดอำนาจหน้าที่ ของกองบังคับการ และ กองกำกับการ ให้ทำเป็น
ก.    พระราชกำหนด            ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง                ง. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

54.    การประกาศรายชื่อ คณะกรรมการ ก.ต.ช. ผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องประการใน
ก.    พระราชกำหนด            ข. พระราชกฤษฎีกา
ค. กฎกระทรวง                ง. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

55.    ข้อใดถือเป็น องค์ประชุมของ ก.ต.ช.
ก.    ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ข.    ต้องมีกรรมการมาประชุมเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด
ค.    ต้องมีกรรมการมาประชุมตั้งแต่หกคนขึ้นไป
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.

56.    ร.ต.อ.อ่อนฯ กระทำความผิดร้ายแรง จำเป็นจะต้องถูกถอดหรือการออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ขอทราบว่าต้องกระทำอย่างใด
ก.    การถอดหรือการออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ทำโดยประกาศพระบรมราชโองการ
ข.    การถอดหรือการออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักงานนายกรัฐมนตรี และให้ทำโดยประกาศพระบรมราชโองการ
ค.    การถอดหรือการออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ต้องเป็นไปตาม กฎ ก.ตร. และให้ทำโดยประกาศพระบรมราชโองการ
ง.    การถอดหรือการออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ต้องเป็นไปตามกฎ ก.ตร. และให้ทำโดยประกาศราชกิจจานุเบกษา

57.    ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในสาขาใด ที่ไม่ใช่คุณสมบัติจะเป็น ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ  ประเภทไม่เป็นข้าราชการตำรวจ
ก.    เศรษฐศาสตร์             ข. รัฐประศาสนศาสตร์
ค.  อาชญาวิทยาและงานยุติธรรม    ง. วิทยาศาสตร์

58.    ในกรณีที่ ก.ตร. พิจารณาเห็นว่าการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้มีมติสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติการให้ถูกต้องเหมาะสม ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ปฏิบัติการตามมติดังกล่าว ให้ ก.ตร.ดำเนินการอย่างไร
ก.    รายงานต่อ ผบ.ตร.เพื่อพิจารณาและสั่งการแก้ไขภายใน 15 วัน  หาก ผบ.ตร.ไม่แก้ไขให้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป
ข.    รายงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป
ค.    รายงานต่อ ก.ต.ช.เพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป
ง.    รายงานต่อ ก.ต.ช.เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและสั่งการต่อไป

59.    การเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๐ (๒) (ก) ผู้ใดมีหน้าที่รับสมัครบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ
ก.    นายกรัฐมนตรี             ข. ประธาน ก.ตร.
ค.  ผบ.ตร.                ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

60.    กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ กรณีใดเมื่อได้รับการคัดเลือก แล้วต้องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี เมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ก.    กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๐ (๒) (ก)
ข.    กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๐ (๒) (ข)
ค.    กรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่งตามมาตรา ๓๐ (๑)
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
ระเบียบงานสารบรรณที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเริ่มใช้บังคับตั้งแต่ เมื่อใด

61.    นายแดงเป็นเจ้าของช้างซึ่งกำลังตกมัน นายแดงปล่อยช้างอยู่ตามลำพัง โดยเพียงแต่ใช้เชือกผูกไว้กับต้นไม้ แทนที่จะใช้โซผูก ช้างหลุดจากเชือกที่ผูกและตรงเข้าจะใช้งาแทงนายดำ นายดำกลัวจึงใช้ปืนยิงช้างของนายแดง กระสุนถูกช้างของนายแดงตายและกระสุนยังพลาดไปถูกช้างของนายเหลืองซึ่งอยู่ห่างออกไปตายด้วย ดังนี้ ให้วินิจฉัยความผิดของนายดำ
ก.    นายดำไม่มีความผิดทำให้เสียทรัพย์ เพราะอ้างเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ข.    นายดำไม่มีความผิดทำให้เสียทรัพย์ช้างของแดง  แต่ต้องรับผิดการตายของช้างนายเหลือง
ค.    นายดำมีความผิดทำให้เสียทรัพย์ช้างทั้งสองตัว
ง.    นายดำมีความผิดทำให้เสียทรัพย์  แต่ไม่ต้องรับโทษ  เพราะเหตุจำเป็น

62.    เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมนายเช้ากับนายเที่ยงข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ นายเช้ากับนายเที่ยงวิ่งหนี แล้วนายเช้าหันมาต่อสู้โดยชักอาวุธปืนออกจากเอวแล้วกระชากลูกเลื่อนเพื่อให้กระสุนเข้าลำกล้อง แต่เจ้าพนักงานตำรวจแย่งเอาอาวุธปืนจากนายเช้าไว้ได้ก่อนที่จะกระชากลูกเลื่อนสำเร็จ จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจไล่ติดตามจับกุมนายเที่ยง นายเที่ยงเห็นจวนตัวชักปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจ แต่กระสุนด้าน โดยนายเที่ยงเคยใช้ยิงมาก่อน จึงทราบว่าเป็นกระสุนปืนที่ด้าน แต่เข้าใจว่ายังใช้ได้ ดังนี้ นายเช้ามีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.    นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง    
ข.    นายเช้าผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและร่วมกันพยายามฆ่า
ค.    นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง  และพยายามฆ่า  
ง.    นายเช้าผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง ไม่ผิดฐานพยายามฆ่า  

63.    ตามข้อ 12 นายเที่ยงมีความผิดฐานใด
ก.    นายเที่ยงผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้
ข.    นายเที่ยงผิดฐานร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและร่วมกันพยายามฆ่า
ค.    นายเที่ยงผิดพยายามฆ่า
ง.    นายเที่ยงผิดต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่า

64.    นางสาวเรียมอายุ 17 ปี เป็นบุตรนายเรืองกับนางเริ่มซึ่งรักใคร่ขอบพอกับนายขวัญ นายขวัญชวนนางสาวเรียมไปเที่ยวที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นางสาวเรียมตกลง นายขวัญขับรถยนต์เก๋งมารับนางสาวเรียมที่หน้าบ้านของนางสาวเรียมแล้วไปขึ้นเครื่องบินที่ดอนเมืองไปกรุงโซล ระหว่างพักด้วยกันที่กรุงโซลนั้น นายขวัญได้ร่วมประเวณีกับนางสาวเรียมหลายครั้ง โดยความสมัครใจของนางสาวเรียม เที่ยวงานอยู่ 3 วัน นายขวัญกับนางสาวเรียมจึงเดินทางกลับประเทศไทย ปรากฏว่า นายขวัญอายุ 25 ปีและมีภริยาอยู่แล้วทั้งไม่ได้มีเจตนาจะเลี้ยงดูนางสาวเรียมเป็นภริยา ดังนี้นายขวัญจะมีความผิดฐานใด
ก.    นายขวัญไม่มีความผิด เพราะเป็นการยินยอม
ข.    นายขวัญมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา
ค.    นายขวัญมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์
ง.    นายขวัญมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา

65.    ตามข้อ 14 นายขาวจะถูกลงโทษในราชอาณาจักรหรือไม่
ก.    นายขวัญไม่ต้องรับโทษในราชอาณาจักร  เพราะไม่มีความผิด
ข.    นายขวัญไม่ต้องถูกลงโทษในราชอาณาจักร  เพราะเหตุเกิดนอกราชอาณาจักร
ค.    นายขวัญต้องถูกลงโทษในราชอาณาจักร
ง.    ไม่มีข้อใดถูก

66.    นายอุทัยขับรถยนต์จากจังหวัดนครสวรรค์จะไปกรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงจังหวัดอ่างทองเจ้าพนักงานตำรวจตั้งด่านตรวจรถอยู่ ร้อยตำรวจโทองอาจให้สัญญาณแก่นายอุทัยให้หยุดรถ และขอตรวจใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ความจริงนายอุทัยถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดใบอนุญาตขับขี่ไปหลายเดือนแล้ว นายอุทับเกรงว่าตนจะถูกจับกุม จึงบอกว่าใบอนุญาตขับขี่หายไปและบอกด้วยว่าตนเป็นเป็นตำรวจเหมือนกัน พันตำรวจตรีอุทัย สารวัตรสืบสวนสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ ขอให้ปล่อยตัวไป นายอุทัยมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.    นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน , แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146
ข.    นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146
ค.    นายอุทัยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน , แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146
ง.    นายอุทัยมีความผิดฐาน แสดงตนและกระทำเป็นเจ้าพนักงาน และ ใช้ยศและตำแหน่งโดยไม่มีสิทธิ ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ,145 , 146

67.    นายแดงทราบดีว่าบิดาได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ตนกับพี่ชายและน้องอีกสองคน แต่นายแดงได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของบิดา อ้างว่าบิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ศาลเชื่อตามคำเบิกความของนายแดงในการไต่สวนว่าเป็นความจริง จึงมีคำสั่งตั้งนายแดงเป็นผู้จัดการมรดก นายแดงได้นำคำสั่งศาลไปแสดงและขอโอนที่ดินมรดกต่อเจ้าพนักงานที่ดินมาเป็นชื่อนายแดงในฐานะผู้จัดการมรดก เจ้าพนักงานที่ดินได้บันทึกข้อความตามคำสั่งศาลลงไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนมรดกใส่ชื่อนายแดงในฐานะผู้จัดการมรดก ดังนี้ นายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.    นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ , เบิกความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137,177,267
ข.    นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ , เบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137,177
ค.    นายแดงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 137, 267
ง.    นายแดงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ตาม ป.อาญา มาตรา 177

68.    นายเอก นายโท และนายตรีตกลงกันปล้นหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งมีบ้าน 3 หลังอยู่ใกล้เคียงกัน โดยนายเอกกับนายโทมีอาวุธปืนคนละกระบอก นายตรีไม่มีอาวุธอะไร เมื่อเดินทางถึงหมู่บ้านนั้น นายเอกเข้าไปในบ้านหลังที่หนึ่ง นายโทเข้าไปในบ้านหลังที่สอง และนายตรีเข้าไปในบ้านหลังที่สาม นายเอกกับนายโทใช้อาวุธปืนดังกล่าวขู่เจ้าทรัพย์ให้ส่งทรัพย์ ส่วนนายตรีพูดขู่ให้เจ้าทรัพย์ส่งทรัพย์ให้ เมื่อได้ทรัพย์แล้วพากันหลบหนีไปด้วยกัน เจ้าพนักงานตำรวจติดตามไป ยิงนายเอกและนายโทตาย คงจับนายตรีได้เพียงคนเดียว ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า นายตรีมีความผิดฐานใดบ้างหรือไม่
ก.    มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ ,ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ
ข.    มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ,ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองฯ
ค.    มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ
ง.    มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์เท่านั้น

69.    นายชมไปเที่ยวงานต้อนรับนางงามจักรวาลที่ท้องสนามหลวง ซึ่งวันนั้นฝนตกนายชิดตรงเข้าไปพูดขอร่มที่นายชมถืออยู่ นายชมไม่ยอมให้ นายชิดแย่งร่มไปจากนายชม นายชมแย่งคืนได้ นายชิดแย่งไปได้อีก แล้วพูดว่า “ถ้าเอ็งมีอาวุธกูแทงเสียแล้ว” ขณะพูดนายชิดใช้มือล้วงใต้เสื้อตรงขอบกางเกงหน้าท้อง แล้วนายชิดพาเอาร่มของนายชมหลบหนีไป ส่วนนายชอบเพื่อนนายชิดคิดว่านายชมต้องมีทรัพย์อื่นอีก จึงใช้มือรวบคอนายชมดูเมื่อพบว่าสวมสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งสลึงอยู่ นายชอบก็กระตุกสร้อยดังกล่าวไป สร้อยบาดคอนายชมเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ดังนี้ นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานใด
ก.    นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์
ข.    นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
ค.    นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์
ง.    นายชิดและนายชอบมีความผิดฐานชิงทรัพย์

70.    นายแสงกู้เงินนายสอนไปหนึ่งหมื่นบาทแล้วไม่ชำระ เมื่อนายสอนไปทวงนายแสงขอดูสัญญากู้ แล้วฉีกสัญญาเพื่อจะไม่ต้องชำระเงินแก่นายสอน พอนายแสงฉีกสัญญากู้ออกเป็น 2 ชิ้น นายสอนแย่งสัญญากู้ไว้ได้ก่อนที่นายแสงจะฉีกต่อไปอีก นายแสงจึงกลับบ้านแล้วนำเงินหนึ่งหมื่นบาทไปชำระให้นายสอนเรียบร้อย ดังนี้ นายแสงมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.    นายแสงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 358
ข.    นายแสงมีความผิดฐานทำลายเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 188
ค.    นายแสงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และทำลายเอกสาร ตาม ป.อาญา มาตรา 358, 188
ง.    นายแสงไม่มีความผิด เพราะนายสอนไม่เสียหาย

71.    นายสินกับนายทรัพย์คนไทยอยู่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกันนำเรือประมงไปจับปลาในทะเลอาณาเขตของประเทศมาเลเซีย ถูกศาลมาเลเซียพิพากษาจำคุกคนละหกเดือน เมื่อพ้นโทษแล้วนายสินกับนายทรัพย์กลับมาอยู่เมืองไทยได้หนึ่งปี นายสินทำร้ายร่างกายนายทรัพย์ นายทรัพย์จึงฟ้องศาลขอให้ลงโทษนายสินและขอให้เพิ่มโทษตามกฏหมายด้วย ดังนี้ ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายสินหนึ่งปี ศาลจะต้องเพิ่มโทษนายสินหรือไม่ และถ้าหากศาลเห็นสมควรรอการลงโทษ ศาลจะรอการลงโทษนายสินได้หรือไม่
ก.    ศาลจะเพิ่มโทษนายสินไม่ได้   แต่ศาลจะรอการลงโทษได้
ข.    ศาลเพิ่มโทษนายสินได้   แต่ศาลจะรอการลงโทษได้
ค.    ศาลจะเพิ่มโทษนายสินไม่ได้   และศาลจะรอการลงโทษไม่ได้
ง.    ศาลจะเพิ่มโทษนายสินได้   แต่ศาลจะรอการลงโทษไม่ได้


72.    นายชมและนายชิดได้เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึกด้วยกัน โดยต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง นายชมเห็นหลังพุ่มไม้แห่งหนึ่งมีการเคลื่อนไหว นายชมรีบร้อนไม่ตรวจตราดูให้ดีโดยคิดว่าเป็นหมูป่า นายชมจึงใช้ปืนยิงไปทันที ปรากฏว่าความจริงไม่ใช่หมูป่า แต่เป็นนายชิตซึ่งกำลังดักซุ่มจะยิงสัตว์ป่าอยู่ กระสุนปืนถูกนายชิตได้รับอันตรายสาหัสและกระสุนยังเลยไปถูกนายชัยซึ่งเดินหลงทางอยู่ในป่า ห่างไกลจากบริเวณนั้น นายชัยถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายชมจะมีความผิดฐานใดบ้าง
ก.    นายชมมีความผิดฐานพยายามฆ่านายชิด และผิดฐานฆ่านายชัยโดยพลาด
ข.     นายชมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายชิดได้รับอันตรายสาหัส  และผิดฐานฆ่านายชัยโดยพลาด
ค.    นายชมมีความผิดฐานยายามฆ่านายชิด     และนายชมไม่มีความผิดกรณีกระสุนปืนถูกนายชัย
ง.    นายชมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายชิดได้รับอันตรายสาหัส  และนายชมไม่มีความผิดกรณีกระสุนปืนถูกนายชัย

73.    นายเด่น นายกเทศมนตรี มีหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบการบริหารราชการทั้งปวงภายในเขตเทศบาลได้ประกาศเรียกประกวดราคาจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดชำนาญถมชนะการประกวดราคาในราคาต่ำสุดและเป็นราคาต่ำกว่าราคากลางที่ทางราชการกำหนดไว้ นายเด่นจึงลงนามในสัญญาจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดชำนาญถมเป็นผู้รับจ้างและได้ออกคำสั่งแต่งตั้งนายดวงซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัสดุมีหน้าที่ดูแลรักษาและสั่งอนุญาตใช้รถยนต์ของเทศบาล เป็นกรรมการตรวจรับงานจ้างถมดินอ่างเก็บน้ำ นายดวงได้โอกาสจึงเข้าเป็นผู้รับเหมางานช่วงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมโดยนำรถยนต์บรรทุกของทางราชการไปใช้ขนดินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมจนเสร็จตามสัญญา ข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเด่นและนายดวงเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ชำนาญถมให้วินิจฉัยว่า นายเด่นดวงมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฐานใดหรือไม่  
ก.    นายเด่น ไม่มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152  
ข.    นายเด่น มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152  เพราะเป็นเจ้าพนักงาน
ค.    นายเด่น มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152   เพราะเป็นเจ้าพนักงานและปฏิบัติการตามหน้าที่
ง.    นายเด่น ไม่มีความผิดตาม ปอ. มาตรา 152  เพราะขาดเจตนา

74.    ตามข้อ 23 นายดวงมีความผิดฐานใด
ก.    นายดวง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ ปอ. มาตรา 152
ข.    นายดวง มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151
ค.    นายดวง มีความผิดตาม ตาม ปอ. มาตรา 152
ง.    นายดวง ไม่มีความผิดตาม ปอ.มาตรา 151 และ ปอ. มาตรา 152

75.    นายหนึ่งปลูกข้าวไว้ในที่นาของตนซึ่งอยู่ติดกับถนนสาธารณะ ขณะนั้นเป็นฤดูฝน นายหนึ่งเกรงว่าหากฝนตกหนักน้ำจะท่วมที่นาของตนทำให้ข้าวที่ปลูกไว้ตาย นายหนึ่งจึงขุดถนนสาธารณะข้างที่นาของตนเพื่อทำเป็นทางระบายน้ำจากที่นาลงหนองน้ำสาธารณะ นอกจากนั้น นายหนึ่งยังถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวที่งอกขึ้นเองในหนองน้ำนั้นเพื่อให้น้ำไหลสะดวกหากฝนตก และนายหนึ่งเห็นอยู่แล้วว่ามีต้นข้าวขึ้นสูงจะออกรวงอยู่แล้วปะปนอยู่ระหว่างกอบัวและนายหนึ่งทราบดีว่านายสองผู้เป็นชาวนาเป็นคนปลูกต้นข้าวนั้น ปรากฏว่าต้นข้าวของนายสองถูกนายหนึ่งตัดขาดไปหลายต้น ให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งมีความรับผิดฐานใดหรือไม่
ก.    นายหนึ่งผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ถนนสาธารณะ
ข.    นายหนึ่งผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต้นข้าวของนายสอง
ค.    นายหนึ่งผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ถนนสาธารณะ และผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต้นข้าวของนายสอง
ง.    นายหนึ่งไม่มีความผิดฐานใด

76.    นายแดงลักแหวนเพชรของนายขาวไปจากบ้านพักที่อยู่ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดกำแพงเพชร ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทราบเรื่องจึงได้ไปตั้งด่านเพื่อจับกุม แต่นายแดงรู้ตัวเสียก่อนได้ขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดตาก ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์จับกุมนายแดงได้พร้อมแหวนเพชรของนายขาวที่นายแดงลักเอาไปที่อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนดำเนินคดี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนเสร็จ แล้วส่งสำนวนให้พนักงาน อัยการจังหวัดกำแพงเพชรดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดบ้างที่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้  พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
ก.    พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองนครสวรรค์
ข.    พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองกำแพงเพชร
ค.    พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองตาก
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.

77.    ตามข้อ 26 พนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่
ก.    มีอำนาจฟ้อง
ข.    ไม่มีอำนาจฟ้อง
ค.    มีอำนาจฟ้อง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.

78.    นางสายถูกนายกล้ายกยอกแหวนเพชรไปในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีจึงได้ไปร้องทุกข์เรื่องที่ตนถูกนายกล้ายักยอกทรัพย์ต่อสิบตำรวจตรีซื่อ ซึ่งเป็นตำรวจจราจร สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ต่อมาอีกหนึ่งสัปดาห์ นางสายเห็นนายกล้าเดินเที่ยวอยู่ในห้างสรรพสินค้าในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร นางสายจึงแจ้งให้สิบตำรวจเอกตรง จับนายกล้า โดยแจ้งว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้ว สิบตำรวจเอกตรงจึงไปทำการจับกุมนายกล้าได้ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แล้วควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ในระหว่างที่นายกล้าถูกควบคุมตัวโดยพนักงานสอบสวน นายกล้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลนนทบุรี  ขอให้ปล่อยตัวโดยอ้างว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้แต่มิได้มีการร้องทุกข์ ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่
ก.    รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
ข.    รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค.    รับฟังไม่ได้ เพราะการร้องทุกข์จะร้องทุกข์กับตำรวจใดก็ได้
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

79.    ตามข้อ 28 หากนายกล้าต่อสู้ว่าสิบตำรวจเอกตรงทำการจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีหมายจับและหมายค้น ให้วินิจฉัยว่า ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่
ก.    รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากศาล
ข.    รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค.    รับฟังไม่ได้ เพราะผู้เสียหายชี้ให้ทำการจับกุมได้
ง.    ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.

80.    เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542  พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับนางสมศรีในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และได้สืบสวนจนทราบว่านางสมศรีอยู่ในบ้านของตนซึ่งตามสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏชื่อนายสมศักดิ์สามีของนางสมศรีเป็นเจ้าบ้าน พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ จึงมอบหมายให้พันตำรวจตรีทรงวุธนำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งไปขอค้นบ้านนายสมศักดิ์โดยไม่มีหมายค้น นายสมศักดิ์ไม่ยอมให้ค้น พันตำรวจตรีทรงวุธจึงแสดงหมายจับนางสมศรี และอ้างว่าตนเป็นพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามารถทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมาย และขู่ว่าถ้านายสมศักดิ์ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี นายสมศักดิ์จึงจำยอม และพันตำรวจตรีทรงวุธจึงจับกุมนางสมศรีได้ ให้วินิจฉัยว่าข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้หรือไม่
ก.    ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้ เพราะเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ข.    ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้  เพราะเป็นการค้นโดยเหตุซึ่งหน้า
ค.    ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจในการตรวจค้น
ง.    ข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังไม่ได้  เพราะไม่ใช่ผู้ขอออกหมายจับ
จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบรับราชการ   0934903924
ratana ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ใช้ระดับ I
รายละเอียดผู้ใช้ 
ขอบคุณค่ะๆ
eastparm ออฟไลน์
ระดับ: ผู้ใช้ระดับ I
รายละเอียดผู้ใช้ 
555555
รายละเอียดไฟล์แนบ
กล่องตอบกลับด่วน

สามารถอัพโหลดไฟล์แนบ สำหรับโพสได้
กด "Ctrl+Enter" เพื่อตั้งกระทู้ได้