เก็งข้อสอบตำรวจสายสืบสวนปราบปราม ปป3
1. การออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นอำนาจของ ก. นายกรัฐมนตรี ข. รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ง. คณะรัฐมนตรี 2. สำนักงานตำรวจแห่งชาติแบ่งส่วนราชการออกเป็นกี่ส่วน ก. 2 ส่วน ข. 3 ส่วน ค. 4 ส่วน ง. 5 ส่วน 3. “ก.ต.ช.” เป็นคำย่อของ ก. คณะกรรมการเชิงนโยบายตำรวจแห่งชาติ ข. คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ค. คณะกรรมการนโยบายและแผนตำรวจแห่งชาติ ง. คณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4. ข้อใด เป็นอำนาจของ ก.ต.ช. ก. คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข. คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติขึ้นไป ค. คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจขึ้นไป ง. คัดเลือกข้าราชการตำรวจเพื่อดำเนินการแต่งตั้งผู้บังคับการตำรวจขึ้นไป 5. ยศตำรวจมีกี่ยศ ก. 12 ยศ ข. 13 ยศ ค. 14 ยศ ง. 15 ยศ 6. การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวน เป็นอำนาจของผู้ใด ก. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข. ผู้บังคับบัญชาระดับผู้บัญชาการขึ้นไปซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ค. ผู้บังคับการขึ้นไป เฉพาะในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข. 7. ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ แบ่งออกกี่ประเภท มีจำนวนเท่าใด ก. 2 ประเภท คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บังคับการ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน ข. 2 ประเภท คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน ค. 2 ประเภท คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน ง. 2 ประเภท คือ ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งตั้งแต่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือเทียบผู้บัญชาการขึ้นไปจำนวนห้าคน และ ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจจำนวนหกคน 8. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ ก.ตร. ในการออกกฎ ก.ตร. ก. กำกับดูแล ตรวจสอบ และแนะนำ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบริหารงานบุคคลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ข. รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับปรุงเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มค่าครองชีพ สวัสดิการ หรือประโยชน์เกื้อกูลอื่นสำหรับข้าราชการตำรวจให้เหมาะสม ค. กำหนดชั้นยศที่ควรบรรจุแต่งตั้งและอัตราเงินเดือนที่ควรได้รับสำหรับวุฒิปริญญาหรือประกาศนียบัตรต่างๆ ง. ไม่มีข้อใดถูก 9. ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ ผู้ใดเป็นผู้วินิจฉัย ก. ก.ตร. ข. ก.ต.ช. ค. นายกรัฐมนตรี ง. ถูกทุกข้อ 10. เมื่อได้รายชื่อผู้สมัครตามข้อ 57 แล้ว ให้จัดส่งบัญชีรายชื่อบุคคลดังกล่าวโดยเรียงลำดับตามตัวอักษรไปยังผู้มีสิทธิเลือกกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๓๕ (๑) ก่อนวันเลือกเป็นระยะเวลา ก. ไม่น้อยกว่าสิบวัน ข. ไม่น้อยกว่าสิบสี่วัน ค. ไม่น้อยกว่ายี่สิบวัน ง. ไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่วัน 11. นางชดช้อยข้าราชการสถานทูตไทย ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล ได้เขียนจดหมายจากสถานทูตดังกล่าวมาถึงผู้บังคับบัญชาในประเทศไทยว่า นางชวนชื่นข้าราชการในสถานทูตเดียวกันมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชาวต่างประเทศ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำความเสียหายแก่ประเทศไทย ควรเรียกตัวนางชวนชื่นกลับมาประเทศไทยเสีย ผู้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าจดหมายนั้นเป็นความเท็จ จึงไม่เรียกตัวนางชวนชื่นกลับ ต่อมานางชวนชื่นทราบเรื่องจดหมาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในประเทศไทยว่านางชดช้อยหมิ่นประมาท ดังนี้ การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่จะลงโทษในราชอาณาจักรได้หรือไม่ ก. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดที่ถือว่าส่วนหนึ่งส่วนใดทำในราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้ ข. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ไม่สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้ ค. การกระทำของนางชดช้อยไม่เป็นความผิด ง. การกระทำของนางชดช้อยเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร สามารถลงโทษในราชอาณาจักรได้ 12. ร้อยตำรวจเอกนิยมพนักงานสอบสวนจับกุมนายไก่ข้อหาฆ่าผู้อื่น ได้ทำบันทึกการจับกุมให้นายไก่ลงชื่อไว้ ร้อยตำรวจเอกนิยมแอบเติมข้อความลงในบันทึกดังกล่าวว่า สอบถามแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วสอบปากคำผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาไว้ มอบให้พันตำรวจโทสุเทพหัวหน้าพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปตามระเบียบ พันตำรวจโทสุเทพได้เปลี่ยนเอาบันทึกการจับกุม กับบันทึกคำให้การผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาออกไปจากสำนวนและนำบันทึกที่ทำขึ้นใหม่ตามที่ผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาตกลงกันได้เข้ามาไว้แทนที่ เพื่อช่วยนายไก่มิให้ต้องโทษ ดังนี้ ร้อยตำรวจเอกนิยม จะมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่ ก. มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 ข. มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร ตาม ปอ.มาตรา 161 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 ค. มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกระทำการปลอมเอกสารตาม ปอ.มาตรา 161 ง. ไม่มีมีความผิดฐานใด 13. ตามข้อ 12 พันตำรวจโทสุเทพ มีความผิดฐานใด ก. มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเอาไปเสียซึ่งเอกสารซึ่งตนมีหน้าที่ปกครองหรือรักษา ตาม ปอ.มาตรา 158 ข. มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานกระทำการโดยตำแหน่งโดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 200 ค. มีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ปอ.มาตรา 157 ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข. 14. นายแตงเป็นหนี้ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เป็นเงิน 698,000 บาท โดยนายแตงจดทะเบียนจำนองที่ดินของตนแปลงหนึ่งเป็นประกัน ต่อมาธนาคารกรุงสยามจำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ได้มีหนังสือเร่งรัดให้นายแตงชำระหนี้ ขณะเดียวกันนายแตงเป็นหนี้นายเฟืองตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่พิพากษาให้นายแตงชำระหนี้แก่นายเฟืองจำนวน 500,000 บาท ด้วยนายแตงไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากที่ดินดังกล่าว ต่อมานายแตงได้ขายที่ดินแปลงที่จำนองให้แก่นายสีไปในราคา 700,000 บาท ซึ่งเป็นราคาไม่ต่ำกว่าความเป็นจริงแล้วนายแตงได้นำเงินนั้นไปชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงสยาม จำกัด (มหาชน) เจ้าหนี้ในวันเดียวกัน ทั้งนี้โดยนายแตงได้ขายที่ดินภายหลังจากที่ทราบว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้นายแตงชำระหนี้ให้แก่นายเฟืองแล้ว ให้วินิจฉัยว่า นายแตงจะมีความผิดฐานใดหรือไม่ ก. นายแตงมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 350 ข. นายแตงไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 350 ค. นายแตงมีความผิดฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ ตาม ปอ.มาตรา 341 ง. ไม่มีข้อใดถูก 15. นายโกยหัวขโมย ขณะที่กำลังมองหาเหยื่ออยู่ ได้เหลือบไปเห็นนายจ๋องยืนอยู่ที่บันไดรถโดยสารประจำทางซึ่งกำลังติดไฟแดงอยู่ริมถนน นายโกยจึงเข้าไปดึงนายจ๋อยลงมาจากรถแล้วล้วงเอาธนบัตรฉบับละ 50 บาท ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของนายจ๋องวิ่งหนีไป ขณะที่วิ่งหนีนั้นนายกล้ากำลังจ้องดูอยู่ นายโกยจึงเข้าไปขู่นายกล้าว่าจะต้องไม่นำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ใครฟังมิฉะนั้นจะฆ่าทิ้งเสีย โดยพูดขู่หลายครั้ง จนนาย กล้ารำคาญและจะรีบไปทำงาน จึงตอบรับนายโกยว่าจะยอมปฏิบัติตาม ให้วินิจฉัยว่า นายโกยมีความผิดฐานใดหรือไม่ ก. นายโกยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ข. นายโกยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ค. นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ง. นายโกยมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ และพยายามทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ 16. นายแดงโกรธแค้นนายดำศัตรูของตน จึงตกลงใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปฆ่านายดำโดยการใช้ปืนยิง ระหว่างที่นายแดงกำลังตามหาปืนของตนที่ทำหาย นายม่วงศัตรูอีกคนหนึ่งของนายดำซึ่งไม่ทราบว่านายแดงตั้งใจจะฆ่านายดำอยู่แล้ว ได้ไปว่าจ้างนายแดงให้ไปฆ่านายดำ นายแดงตกลงตามที่นายม่วงว่าจ้างเพราะอยากได้เงินค่าจ้างและตนก็ได้ตกลงใจที่จะฆ่านายดำอยู่ก่อนแล้วไม่ว่านายม่วงจะมาว่าจ้างหรือไม่ ทั้งนี้นายม่วงได้ให้นายแดงยืมปืนไปใช้ฆ่านายดำด้วย เมื่อนายแดงพบนายดำจึงได้แอบเดินไปด้านหลังนายดำและชักปืนออกมาจากเอวเพื่อจะยิงนายดำโดยที่ยังมิทันยกปืนจ้องยิงไปทางนายดำ แต่นายแดงถูกพลเมืองดีเข้าขัดขวางเสียก่อน จึงไม่สามารถยิงนายดำได้ ให้วินิจฉัยว่า นายแดงมีความผิดฐานใดหรือไม่ ก. นายแดงไม่มีความผิด ข. นายแดงผิดฐานพยายามฆ่า ค. นายแดงผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม ง. นายแดงผิดฐานผู้สนับสนุน 17. ตามข้อ 16 นายม่วงมีความผิดฐานใด ก. นายม่วงไม่มีความผิด ข. นายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษหนึ่งในสาม ค. นายม่วงมีความผิดฐานผู้ใช้ รับโทษเสมือนตัวการ ง. นายม่วงมีความผิดฐานผู้สนับสนุน 18. นายเดชรู้สึกรำคาญนายฤทธิ์ที่นั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างๆ เพราะเมาสุราพูดเอะอะโวยวาย จึงชักอาวุธปืนลูกซองออกมาเล็งยิงไปที่ขวดสุราบนโต๊ะอาหารที่นายฤทธิ์นั่งอยู่ ลูกกระสุนปืนเป็นถูกขวดสุราของนายฤทธิ์แตก และลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฤทธิ์ได้รับอันตรายสาหัส นอกจากนี้ลูกกระสุนปืนยังกระจายไปถูกนายฉงนนักมายากลที่เผอิญอุ้มกระต่ายเดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี เป็นเหตุให้นายฉงนถึงแก่ความตาย และลูกกระต่ายที่นายฉงนอุ้มอยู่ตายด้วย ให้วินิจฉัยว่า นายเดชมีความผิดต่อนายฤทธิ์ฯ ฐานใด ก. นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยพลาด ข. นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยเจตนาเล็งเห็นผล ค. นายเดชมีความผิดฐานพยายามฆ่านายฤทธิ์ โดยเจตนาประสงค์ต่อผล ง. นายเดชมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายฤทธิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 19. ตามข้อ 18 นายเดชต้องรับผิดในความตายของกระต่ายของนายฉงน หรือไม่ ก. ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยเจตนาตาม ปอ. มาตรา 358, 59 ข. ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 358, 60 ค. ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ต่อกระต่ายของนายฉงนโดยประมาทตาม ปอ. มาตรา 358, 59 ง. นายเดชไม่มีความผิดฐานใด 20. ตามข้อ 18 นายเดชต้องรับผิดในความตายของนายฉงน หรือไม่ ก. มีความผิดฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยเจตนา ตาม ปอ. มาตรา 288, 59 ข. มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายฉงนฯ ถึงแก่ความตาย ตาม ปอ. มาตรา 291 ค. มีความผิดฐานฆ่านายฉงนตายโดยเจตนาโดยพลาดตาม ปอ. มาตรา 288, 60 ง. นายเดชไม่ต้องรับผิดในความตายของนายฉงนฯ 21. นายโหดทราบว่านายอับโชคจะไปเบิกเงินจากธนาคาร จึงแจ้งวันเวลาที่นายอับโชคจะไปเบิกเงินให้นายเหี้ยมทราบและร่วมกับนายเหี้ยมวางแผนชิงทรัพย์ของนายอับโชค ครั้นถึงวันเกิดเหตุนายอับโชคไปเบิกเงินโดยชวนนายโหดไปเป็นเพื่อน เมื่อเบิกเงินได้แล้วนายอับโชคให้นายโหดถือกระเป๋าใส่เงินเดินตามหลังตนมา นายเหี้ยมซึ่งดักรออยู่ได้กระโดดถีบนายโหดล้มลง เป็นเหตุให้นายโหดได้รับอันตรายแก่กายและกระเป๋าใส่เงินหลุดมือ นายเหี้ยมหยิบกระเป๋าดังกล่าวเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายโหดมีความผิดฐานใด ก. มีความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 339 ข. มีความผิดฐานสนับสนุน นายเหี้ยมลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ค. นายโหดไม่มีความผิด ง. มีความผิดร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ 22. ตามข้อ 21 นายเหี้ยมมีความผิดฐานใด ก. มีความผิดร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 339 ข. มีความผิดลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ค. มีความผิดร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปตาม ปอ. มาตรา 335 ( 7 ) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ง. นายเหี้ยมไม่มีความผิด 23. นายยอดประสงค์จะเช่าซื้อรถยนต์คันหนึ่ง จากบริษัทยานยนต์ จำกัด ซึ่งตนสามารถเช่าซื้อได้ในราคาถูก จึงชวนนายยิ่งให้ไปเช่าซื้อรถยนต์คนละคัน เพราะทราบมาว่านายยิ่งต้องใช้รถยนต์รับส่งลูกไปโรงเรียน ขณะนั้นนายยิ่งเพิ่งเสียการพนันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งตอบตกลงและไปทำสัญญา โดยนายยอดไม่ทราบความในใจของนายยิ่งว่าโดยใจจริงแล้วไม่คิดจะเช่าซื้อเลย ต่อมาเมื่อได้รับมอบรถยนต์ตามสัญญาแล้ว นายยิ่งก็นำรถยนต์ไปขายให้นายดำทันที ส่วนนายยอดเอง เมื่อผ่อนชำระราคาเช่าซื้อได้เพียง 8 งวด ก็ไม่สามารถผ่อนส่งต่อไปได้ จึงแอบนำรถยนต์ไปขายให้นายเขียวแล้วหลบหนีไปให้วินิจฉัยว่า นายยอดมีความผิดฐานใดหรือไม่ ก. มีความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ข. มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ค. มีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ง. นายยอดไม่มีความผิดใด 24. ตามข้อ 23 นายยิ่งมีความผิดฐานใด ก. มีความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ ข. มีความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ค. นายยิ่งไม่มีความผิดใด ง. มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ 25. นายชัยมีความประสงค์ที่จะขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นของตนให้แก่นายชม แต่นายชัยเกิดป่วยหนักไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงตั้งใจจะทำหนังสือมอบอำนาจให้นายชาญจัดการแทน นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือมอบอำนาจ และมอบหมายให้นายชาญกรอกข้อความเอง แต่นายชัยถึงแก่ความตายเสียก่อนมีการกรอกข้อความ นายชาญจึงนำหนังสือมอบอำนาจที่นายชัยเพียงแต่ลงลายมือชื่อไว้ไปกรอกข้อความว่า นายชัยมอบอำนาจให้นายชาญขายที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชม ซึ่งตรงตามความประสงค์ของนายชัย ทั้งที่นายชาญรู้ว่านายชัยถึงแก่ความตายแล้ว และนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปให้นายชม โดยที่นายชมไม่รู้ว่านายชัยถึงแก่ความตาย วันต่อมา นายชาญและนายชมนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมบ้านไม้สักสองชั้นให้แก่นายชมให้วินิจฉัยว่า นายชาญมีความผิดฐานใดหรือไม่ ก. นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษทั้งสองกระทง ข. นายชาญมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ค. นายชาญไม่มีความผิดฐานใด ง. นายชาญมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ต้องลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่เพียงกระทงเดียว 26. นายแดงกับนางขาวอยู่กินฉันสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือเด็กหญิงเหลือง อายุ 13 ปี ต่อมานายดำได้หลอกลวงเอาสร้อยคอทองคำ ราคา 3,000 บาท ของเด็กหญิงเหลืองไป นายแดงจึงไปร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแก่นายดำในความผิดฐานฉ้อโกงเด็กหญิงเหลือง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการโดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายดำ ก่อนพนักงานอัยการมีคำสั่งเกี่ยวกับคดีนี้นายแดงได้จดทะเบียนรสกับนางขาว ถ้าท่านเป็นพนักงานอัยการจะสั่งคดีนี้อย่างไร ก. สั่งไม่ฟ้องนายดำ เพราะนายแดงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ ข. สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมนายแดง แล้วนำมาประกอบคำฟ้อง ค. สั่งฟ้องนายดำ พร้อมแนบหลักฐานการจดทะเบียนสมรสต่อศาล ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข. 27. นายเก่งผู้เสียหายร้องทุกข์ภายในอายุความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่นายกล้าในข้อหายักยอก นายกล้าให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา โดยได้นำใบรับเงินฉบับหนึ่งมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อแสดงว่านายแก้วซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายเก่งได้ลงลายมือชื่อรับเงินทั้งหมดที่กล่าวหาถูกยักยอกไปจากนายกล้าเรียบร้อยแล้ว และมีนายกลมลงลายมือชื่อเป็นพยานไว้ในใบรับเงินนั้นด้วย นายกล้าขอให้พนักงานสอบสวนรับใบรับเงินและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานหลักฐานประกอบการต่อสู้คดีของตน นายเก่งผู้เสียหายคัดค้านไม่ให้พนักงานสอบสวนรับใบรับเงินและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นหลักฐาน โดยอ้างว่าเป็นพยานหลักฐานของฝ่ายนายกล้าผู้ต้องหา ให้วินิจฉัยว่า พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีนี้ด้วยหรือไม่ ก. พนักงานสอบสวนรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวได้ แต่จะสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีไม่ได้ ข. พนักงานสอบสวนจะรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวไม่ได้ แต่สอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีด้วย ค. พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีด้วย ง. พนักงานสอบสวนจะรวบรวมใบรับเงินดังกล่าวและสอบปากคำนายกลมไว้เป็นพยานประกอบการดำเนินคดีไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นพยานฝ่ายผู้ต้องหา 28. ในคดีอาญาเรื่องหนึ่งพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ขังผู้ต้องหา 12 วัน แต่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขังเพียง 5 วัน ก่อนครบกำหนดพนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลสั่งขังอีก 12 วัน อันเป็นการขอฝากขังครั้งสุดท้าย แต่ศาลไม่อนุญาต ในระหว่างที่ผู้ต้องหาถูกปล่อยตัวไป และพนักงานอัยการยังมิได้มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหา เจ้าพนักงานตำรวจไปจับตัวผู้ต้องหามาควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อรอส่งตัวให้พนักงานอัยการในกรณีที่มีคำสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไปเสียก่อน ต่อมาพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา เจ้าพนักงานตำรวจจึงไปติดตามจับผู้ต้องหามาได้และคุมตัวมาศาลเพื่อมอบให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล ดังนี้ การที่เจ้าพนักงานตำรวจจับผู้ต้องหาและคุมตัวไว้ทั้งสองครั้ง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก. การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังชอบด้วยกฎหมาย ข. การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย ค. การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย ง. การจับและการคุมตัวผู้ต้องหาครั้งแรกชอบด้วยกฎหมาย ส่วนครั้งหลังชอบด้วยกฎหมาย 29. นายสิ้นได้ฝากทรัพย์สินไว้กับนายแสบที่ประเทศอิรัก เพื่อนำมาให้ภรรยาของนายสิ้นในประเทศไทย เมื่อนายสิ้นเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้วทราบว่านายแสบมิได้นำทรัพย์สินที่ฝากมาให้แก่ภรรยานายสิ้น นายสิ้นจึงไปทวงถามนายแสบที่บ้านนายแสบ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของนายแสบ นายแสบปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์สินของนายสิ้นไว้ นายสิ้นจึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบึงกาฬให้ดำเนินคดีแก่นายแสบฐานยักยอกซึ่งมีการสอบสวนโดยชอบแล้วดังนี้ พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดบึงกาฬมีอำนาจฟ้องนายแสบเป็นจำเลยหรือไม่(เนติ 47) ก. มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ข. มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก ต้องให้อัยการสูงสุดสอบสวน อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง ค. มูลคดียักยอกเกิดขึ้นที่ประเทศอิรัก แต่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน อ.บึงกาฬ อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง ง. มูลคดียักยอกเกิดขึ้นเมื่อนายแสบปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝากทรัพย์ ถือว่าเหตุเกิดที่ อ.บึงกาฬ พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวน อัยการจึงมีอำนาจฟ้อง 30. นายเงินบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายได้พานางสาวแก้วผู้เยาว์อายุ 19 ปี ไปทำงานเป็นลูกจ้างรับเลี้ยงบุตรให้นายเขียวและนางคำ โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านของนายจ้างที่จังหวัดชลบุรี นายเสียบซึ่งเป็นหลานชายของนายเชียวได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาวแก้วจนสำเร็จความใคร่ นางสาวแก้วได้เล่าให้นายเงินฟัง นายเงินและนางสาวแก้วจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ดำเนินคดีแก่นายเสียบในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราจนกว่าคดีถึงที่สุด ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาในการปฏิเสธ พนักงานสอบสวนเสนอสำนวนต่อพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โดยเห็นควรสั่งฟ้องฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ต่อมานางสาวแก้วบรรลุนิติภาวะได้มาขอถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่นายเสียบผู้ต้องหา เพราะจะแต่งงานกัน นายเงินบิดาของนางสาวแก้วไม่ยินยอมให้ถอนคำร้องทุกข์ พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีมีคำสั่งยุติคดีนายเสียบผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา เพราะเหตุว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในชั้นพนักงานอัยการโดยชอบแล้ว ดังนี้ คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก. คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมาย เพราะ น.ส.แก้วถอนคำร้องทุกข์ได้ ข. คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีชอบด้วยกฎหมาย แต่ต้องให้นายเงินให้ความเห็นชอบ ค. คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ น.ส.แก้วถอนคำร้องทุกข์ไม่ได้ ง. คำสั่งของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรีไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะสิทธิคดีอาญายังไม่ระงับ 31. ร้อยตำรวจเอกเฉลียวรองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลยางรัก ขณะไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เป็นนายร้อยตำรวจเวรสอบสวนของสถานีตำรวจดังกล่าว ได้รับคำร้องทุกข์จากนายฉลาดผู้เสียหายให้ดำเนินคดีอาญาเรื่องหนึ่งแก่นายฉลองผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางรัก ในขณะที่ร้อยตำรวจเอกเฉลียวรับคำร้องทุกข์นั้น ร้อยตำรวจเอกแฉล้มรองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจดังกล่าวได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่เป็นนายร้อยตำรวจสอบสวนอยู่ ร้อยตำรวจเอกเฉลียวได้ทำการสอบสวนคดีตามคำร้องทุกข์ของนายฉลาดเสร็จสิ้น จึงส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการเพื่อมีคำสั่งทางคดีต่อไป ดังนี้ การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก. การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวชอบด้วยกฎหมาย ข. การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เวร ค. การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีอำนาจรับคำร้องทุกข์ ง. การสอบสวนของร้อยตำรวจเอกเฉลียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ 32. พันตำรวจโทเคร่งสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง สืบทราบว่าที่บ้านของนายหนึ่งมีสิ่งของที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์ซุกซ่อนอยู่ จึงออกหมายค้นระบุให้จ่าสิบตำรวจพิทักษ์ไปตรวจค้น แต่ก่อนที่จ่าสิบตำรวจพิทักษ์กับพวกจะเข้าตรวจค้น นายหนึ่งได้หลบหนี และไม่มีคนในครอบครัวของนายหนึ่งอยู่ในบ้าน จ่าสิบตำรวจพิทักษ์จึงเชิญคนซึ่งอยู่ใกล้บ้านนายหนึ่ง 2 คน มาเป็นพยานในการตรวจค้น นายหนึ่งอ้างว่าการตรวจค้นไม่ได้ทำต่อหน้านายหนึ่งหรือบุคคลในครอบครัวของนายหนึ่งเป็นการตรวจค้นที่ไม่ชอบ ดังนี้ ข้ออ้างของนายหนึ่งฟังขึ้นหรือไม่ ก. ฟังขึ้น เพราะ ไม่มีคนในครอบครัวของนายหนึ่งมาเป็นพยานในการค้น ข. ฟังขึ้น เพราะ จ.ส.ต.พิทักษ์ฯ ไม่สามารถร้องขอบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนมาเป็นพยานได้ ค. ฟังไม่ขึ้น เพราะ จ.ส.ต.พิทักษ์ฯ สามารถร้องขอบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนมาเป็นพยานได้ ง. ฟังไม่ขึ้น เพราะ นายหนึ่งหลบหนี จึงไม่ต้องค้นต่อหน้าพยานก็ได้ 33. ตามข้อ 32 ถ้าระหว่างที่ตรวจค้นอยู่นั้น จ่าสิบตำรวจพิทักษ์พบนายสองคนร้ายคดีฆ่าผู้อื่นหลบซ่อนอยู่ในบ้าน จ่าสิบตำรวจพิทักษ์จึงเข้าจับกุมนายสองส่งให้พันตำรวจโทเคร่ง ส่วนนายสองอ้างว่าจ่าสิบตำรวจพิทักษ์จับโดยไม่ชอบ ดังนี้ ข้ออ้างของนายสองฟังขึ้นหรือไม่(เนติ 49 ) ก. ฟังขึ้น เพราะการจับนายสองไม่มีหมายจับ ข. ฟังขึ้น เพราะการจับนายสองเป็นการจับในที่รโหฐาน ค. ฟังไม่ขึ้น เพราะการจับเป็นความผิดซึ่งหน้า ง. ฟังไม่ขึ้น เพราะการจับนายสองนั้นนายสองเป็นผู้ร้ายสำคัญ และก็พบตัวแล้ว 34. นายเอกหลอกลวงนายโทว่าจะช่วยติดต่อให้นายโทเข้าทำงานเป็นสารวัตรทหารได้โดยไม่ต้องสอบ แต่นายโทต้องเสียเงิน 40,000 บาท ให้นายเอก นายโทหลงเชื่อมอบเงิน 40,000 บาทให้นายเอก ต่อมานายโทเข้าเป็นสารวัตรทหารไม่ได้จึงขอเงินคืน นายเอกไม่คืนให้ นายโทไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า นายเอกฉ้อโกงต่อมามีการเจรจาตกลงกันระหว่างนายเอกกับนายโทต่อหน้าพนักงานสอบสวน และได้มีการบันทึกข้อตกลงไว้ว่า นายเอกจะนำเงินมาคืนให้ภายในวันที่ที่กำหนด ถ้านายเอกนำเงินมาคืน นายโทก็จะไม่เอาเรื่องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยทั้งสามคนได้ลงลายมือชื่อไว้ ครั้นถึงวันที่ที่กำหนด นายเอกมิได้ชำระเงินคืนแก่นายโท ดังนี้ นายโทจะเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงหรือไม่ ก. นายโทเป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้ ข. นายโทไม่เป็นผู้เสียหายที่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้ ค. นายโทเป็นผู้เสียหายแต่ไม่มีสิทธิฟ้องนายเอกฐานฉ้อโกงได้ ต้องร้องทุกข์ต่อ พงส.ฯก่อน ง. เป็นกรณีทางแพ่ง ต้องฟ้องร้องเอง 35. ตามข้อ 34 ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไปหรือไม่ ก. ข้อตกลงดังกล่าวไม่ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไป ข. ข้อตกลงดังกล่าวทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องของนายโทระงับไป ค. เป็นกรณีทางแพ่ง ต้องฟ้องร้องเอง ง. ไม่มีข้อใดถูก 36. นายโชติด่าว่านายช่วง นายช่วงจึงเรียกนายโชติมาที่บ้านเพื่อว่ากล่าวตักเตือนนายโชติไม่พอใจได้กำหมัดเดินเข้าไปหานายช่วง นายช่วงเข้ากอดรัดนายโชติแล้วทุ่มนายโชติลงกับพื้นซีเมนต์ หน้าผากนายโชติฟาดลงที่พื้นและนอนนิ่งไม่ได้สติ นายช่วงจึงไปแจ้งความต่อร้อยตำรวจเอกชัชวาลพนักงานสอบสวนว่านายโชติบุกรุก ร้อยตำรวจเอกชัชวาลร่วมกับแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพ และเมื่อทำการสอบสวนเสร็จแล้วสรุปสำนวนทำความเห็นควรสั่งฟ้องนายช่วงส่งให้พนักงานอัยการ โดยไม่ได้ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลทำการไต่สวนแสดงถึงการตายของนายโชติตามกฎหมาย พนักงานอัยการฟ้องนายช่วงเป็นจำเลยขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย จำเลยให้การปฏิเสธและต่อสู้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่เป็นผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุกและตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน พนักงานสอบสวนทำการชันสูตรพลิกศพแล้วไม่ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนตามกฎหมายการชันสูตรพลิกศพยังไม่สมบูรณ์ การสอบสวนจึงไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้นหรือไม่ ก. ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ข. ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ค. ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น อัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง ง. ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น อัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง 37. นายใช้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายช่วยไปร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกชัยพนักงานสอบสวนว่า นายชอบได้ลักรถจักรยานยนต์ของตนไป ขอให้จับกุมนายชอบมาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ต่อมาร้อยตำรวจเอกชัยสืบสวนทราบว่าคนร้ายไม่ใช่นายชอบ แต่เป็นนายชิง จึงจับกุมนายชิงมาสอบสวนดำเนินคดี นายชิงโต้แย้งว่าจับกุมผิดตัวจากหนังสือมอบอำนาจ การกระทำของร้อยตำรวจเอกชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้วินิจฉัยว่า ข้อโต้แย้งของนายชิงดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่ ก. ฟังขึ้น เพราะนายใช้ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายชิง ข. ฟังขึ้น เพราะหนังสือมอบอำนาจไม่ได้ระบุไว้ ค. ฟังไม่ขึ้น เพราะนายชอบไม่ได้กระทำความผิด ง. ฟังไม่ขึ้น เพราะความผิดลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ร.ต.อ.เอกชัยจึงมีอำนาจสืบสวนสอบสวน 38. ตามข้อ 38 หากนายใช้ได้ร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจเอกชัยว่า รถจักรยานยนต์หายไปและพบอยู่ในบ้านของนายชิง ขอให้สืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ต่อมาร้อยตำรวจเอกชัยสืบสวนทราบว่านายชิงเป็นคนลักเอารถจักรยานยนต์ของนายใช้ไปเองจึงจับกุมนายชิงมาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ นายชิงโต้แย้งว่านายใช้ไม่ได้แจ้งข้อหาความผิดนี้ไว้ในคำร้องทุกข์ การกระทำของร้อยตำรวจเอกชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้วินิจฉัยว่า ข้อโต้แย้งของนายชิงทั้งสองกรณีดังกล่าวฟังขึ้นหรือไม่ ก. ฟังขึ้น เพราะนายใช้ไม่ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายชิง ข. ฟังขึ้น เพราะ ร.ต.อ.เอกชัยฯ ไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน ค. ฟังไม่ขึ้น เพราะนายชิงเป็นผู้กระทำความผิด ง. ฟังไม่ขึ้น เพราะการร้องทุกข์ไม่จำเป็นต้องระบุฐานความผิด ร.ต.อ.เอกชัยจึงมีอำนาจ 39. พันตำรวจโทสนิท พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีตามคำร้องทุกข์ของนายเสนอผู้เสียหาย ซึ่งกล่าวหาว่านายสนองผู้ต้องหากระทำการฉ้อโกงทรัพย์ของนายเสนอ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ระหว่างสอบสวนนายเสนอ และนายสนองได้ทำความตกลงด้วยวาจายอมเลิกคดีต่อกัน โดยนายสนองยินยอมผ่อนชำระค่าเสียหายเนื่องจากการะกระทำความผิดในคดีนี้ให้แก่นายเสนอเป็นสองงวด นายเสนอ และนายสนองได้มาแจ้งถึงความตกลงดังกล่าวให้พันตำรวจโทสนิท ทราบ ต่อมานายสนองไม่ได้ชำระเงินค่าเสียหายให้แก่นายเสนอตามที่ตกลงกันไว้ นายเสนอจึงขอให้พันตำรวจโทสนิท สอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไป ให้วินิจฉัยว่า พันตำรวจโทสนิท จะมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไปได้หรือไม่
ก. สอบสวนได้ เพราะคดียังไม่ระงับ
ข. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ค. สอบสวนไม่ได้ เฉพาะคดีระงับไปหมดแล้ว
ง. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
[color=#ffffffffffffffffffffffff]เอกสารแนวข้อสอบตำรวจเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ เลื่อนจากนายสิบเป็นนายร้อย สายธุรการ และ สายปราบปราม รวมแนวข้อสอบเก่าเด็ดๆๆ และข้อสอบที่ออกบ่อยมาก ส่งทางอีเมล์เป็นไฟเอกสาร
[color=#ffffffffffffffffffffffff] [color=#ffffffffffffffffffffffff]สนใจสั่งซื้อมาที่ 080-604-2510 ,080-604-2504 หรือ ส่ง SMS / (WhatsApp , LINE) ส่งเป็นไฟล์เอกสารส่งทางอีเมล์ สามารถนำไปปริ้นเพื่ออ่านได้เลย ในราคาเพียงชุดละ 399 บาท ส่งเป็นไฟล์เอกสารทางอีเมล์ *อย่างด่วนภายใน 3 ชม. *อย่างช้าก่อน 24:00 น. ของวันที่โอนเงิน (อย่าลืม! เช็คที่ อีเมลขยะ) (เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 - 24.00 น.) กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 041-2-34899-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาถนนสาธุประดิษฐ์ ชื่อบัญชี สายรุ้ง สิงห์ศรี โอนเงินแล้วแจ้งที่ [email=lookmoo_00@hotmail.com]lookmoo_00@hotmail.com[/email]
คอร์ส DVD+เอกสาร:สอบนายร้อยตำรวจปี 2554
ราคาชุดละ 2,500 บาท ประกอบด้วยเนื้อหา สายอำนวยการ อก3 – จริยธรรมและกฎ ก.ตร.ว่าด้วยประมวล จรรยาบรรตำรวจ 2553 – แผนพัฒนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔ – พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 (VCD) – ระเบียบงานสารบรรณ พ.ศ.2526 (VCD) – พ.ร.ก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 (VCD)
– จริยธรรมทั่วไป – คอมพิวเตอร์ (เอกสาร ) สายป้องกันและปราบปราม ปป3 – กฎหมาย ป.วิอาญา ป.อาญา และ กฎหมายพยาน (VCD,MP3) – พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (VCD,MP3) – VCD ติวข้อสอบตำรวจ กฏ ก.ตร.ประเมินผล และ จริยธรรม 2553 (VCD) – VCD ติวข้อสอบตำรวจ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2553(VCD) – พ.ร.ก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 (VCD |